วัน: 5 กรกฎาคม 2020

อาการไข้หวัดคัดจมูกนั้น นอกจากผู้ใหญ่อย่างเราๆจะเป็นกันบ่อยแล้ว เด็กตัวน้อยๆภูมิต้านทานยิ่งน้อยกว่าผู้ใหญ่อย่างเรายิ่งเป็นบ่อยมากกว่า และการดูแลรักษาก็จะทำได้น้อยกว่า ผู้ใหญ่บางคนไม่อยากเสียเวลาหาสมุนไพรมาใช้ให้ยุ่งยากไปหาหมอที่โรงพยาบาลให้หมอฉีดยาไม่กี่วันก็หายแล้ว

แต่สำหรับเด็กเล็กๆ พ่อแม่อย่างเราก็ไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บเพราะเข็มฉีดยาบ่อยๆ ไม่อยากให้รีบกินยาบ่อยเกินไป ดังนั้นเรามาหาวิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยลูกน้อยของเราให้หายจากอาการคัดจมูกเบื้องต้นกันก่อนดีกว่าค่ะ โดยทั่วไปหากเด็กที่เล็กมากๆ เขายังไม่สามารถบอกกับเราได้ตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร เจ็บป่วยตรงไหนหรือไม่

ดังนั้นเราในฐานที่เป็นพ่อแม่ จึงต้องคอยหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อย หากได้ยินเสียงหายใจของเขาดังผิดปกติหรือมีน้ำมูกไหล สามารถคาดเดาได้ว่าตอนนี้ลูกน้อยคงหายใจไม่ค่อยสะดวก และหากดูแล้วมีขี้มูกมาอุดตันเรามีวิธีมาช่วยลูกน้อยกันค่ะ

  1. การใช้คัดตันบัดส์ เราสามารถช่วยทำความสะอาดโพรงจมูกของลูกน้อย เอาน้ำมูกที่อยู่ในรูจมูกออกมาได้เพียงแค่นำคัดตันบัดส์จุ่มลงไปในน้ำเกลือที่ใช้สำหรับล้างจมูกค่อยแหย่เช็คทำความสะอาด รูจมูกให้ลูกน้อย คัดตันบัดส์จะเข้าไปดูดเอาน้ำมูกข้างในออกมา จะช่วยให้ลูกน้อยหายใจได้โล่งขึ้นแต่ควรทำอย่างระมัดระวังอย่าแหย่ลึกจนเกินไป อยากแหย่ไปกระแทกจมูกของลูก
  1. การใช้ที่ดูดน้ำมูกดูดเอาน้ำมูกออกมา เราสามารถหาซื้อที่ดูดน้ำมูกตามร้านขายยาได้ทั่วไป โดยก่อนที่จะใช้ที่ดูดน้ำมูกให้นำที่ดูดน้ำมูกทำความสะอาดเสียก่อน หลังจากนั้นใช้ที่ดูดน้ำมูกดูดน้ำเกลือแล้วหยุดเข้าไปที่รูจมูกลูกสัก2- หยุดเล็กๆ ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที เพื่อให้น้ำเกลือไปละลายความเหนียวของน้ำมูกสักหน่อยแล้วจึงดูดเอาน้ำมูกออกจากรูจมูกของลูกน้อย
  1. ยาวิค หรือน้ำมันยูคาลิปตัสเทใส่สำลีเพียงนิดหน่อยแล้วเอามาใกล้ๆพอให้ลูกน้อยได้กลิ่นก็จะช่วยให้จมูกโล่งได้ แต่อย่าทาตรงผิวหนังของลูกโดยตรงเพราะอาจเกิดอาการแพ้ได้
  1. และอีกวิธีที่ได้ผลคือ ใช้น้ำยาหยอดจมูก หยอดลงไปในรูจมูกของลูกน้อยโดยให้หยอดข้างละหยด ทิ้งไว้สักพักจมูกของลูกจะโล่งแต่การใช้น้ำยาหยอดจมูกนั้นควรเป็นการสั่งยาจากทางแพทย์เท่านั้น และการใช้ยาหยอดจมูกไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกิน 5 วันปกติคุณหมอจะให้ใช้แค่เพียง 3 วันเท่านั้น เพราะหากมีการใช้ยาหยอดจมูกนานเกิดไป ตัวยาจะไปทำปฎิกิริยากับโพรงจมูกทำให้ผนังด้านใบบวม และจะมีผลทำให้ลูกน้อยยิ่งหายใจไม่ออก

 

 

สนับสนุนมาจาก  next88 ดีไหม

เดียวนี้เด็กหรือคนโตส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกินผักกันเพราะบอกว่ากลัวขมบ้างเหม็นเขียวบ้าง จะอวกบ้าง ก็ว่ากันต่างๆนาๆ การที่เรานั้นไม่กินผักเลยหรือกินน้อยมากเหมือนกินแค่เป็นผักชีโรยหน้าแค่นั้นพอ หรือไม่แตะเลย การที่เรานั้นไม่กินผักเลยคุณรู้หรือไม่ว่าร่างกายของเรานั้นจะเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะผักนั้นเป็นสิ่งที่ประโยชน์ต่อร่างกายมาก ถ้าเราไม่กินผักกินแต่จำพวกเนื้อสัตว์นั้นร่างกายของเรานั้นจะทำงานหนัก อาจจะทำให้เรานั้นเสียชีวิตได้ 

หรืออาจจะเกิดโรคภัยกับเราอย่างได้ชัดเจนคนที่ไม่กินผักนั้นแน่นอนว่าเรานั้นต้องท้องผูกเวลาเข้าห้องน้ำนั้นจะถ่ายยาก หรือนานหลายวันค่อยถ่าย  เพราะถ้าเรานั้นไม่กินผัก ร่างกายเรานั้นแย่  ความจำก็ไม่ดี การที่เรานั้นจะมองเห็นนั้นก็จะค่อยๆหายไปที่ละน้อย ยิ่งเรานั้นอายุเยอะขึ้นร่างกายเรานั้นต้องการพลังงานก็จะทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อโรคได้หลายอย่าง เช่นมะเร็ง โรคไต และอื่นอีกมากมาย การที่เรานั้นไม่กินผักแน่นอนว่าทำให้เราท้องผูกถ่ายลำบากยิ่งปล่อยให้นานขึ้น

อาจจะเป็นโรคริดสีดวงก็ได้หรือทำให้เรานั้นมีกลิ่นตัวที่เหม็นอันนี้ก็เกี่ยวกับการที่เรานั้นไม่กินผักเช่นกัน  สิวขึ้นเพราะว่าการที่เรานั้นไม่กินผัก วิตามิน จะเอามาจากตรงไหน เกลือแร่ อาจจะทำให้เรานั้นไม่ค่อยสบายบ่อยเพราะเรานั้นไม่กินผัก จะทำให้ร่างกายของเรานั้นอ่อนแอมาก  เราอยากให้คุณนั้นลองมองดูตัวเองว่าผมเรานั้นร่วงไหม ถ้าผมเรานั้นร่วง เพราะเรานั้นขาดวิตามิน เอ ผิวพรรณเรานั้นแห้งแตกไหม นั้นก็เป็นอีกอย่างที่เรานั้นต้องการแร่ธาตุ จากการที่เรานั้นได้กินผัก 

แล้วยิ่งเพื่อนๆเรานั้นไม่ค่อยกินผักชอบบ่นว่ากลัวเหม็นไอ้อันไอ้นี่ คุณควรบอกเพื่อนไปเลยว่าการที่เรานั้นกินผักไม่ทำให้เรานั้นตายหรอกแต่ถ้าคนที่ไม่กินผักนั่นแหล่ะจะตายเพราะไม่มีแร่ธาตุอาหารอะไรเลยที่จะช่วยให้ร่างกายของเรานั้นเอาไปให้พลังงาน คนที่ไม่กินผักเวลาที่ไม่สบายนั้นจะหายช้ากว่าคนที่กินผัก เพราะคนที่กินผักนั้นร่างกายของเขานั้น

จะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการเอาไปสร้างความต้องการของร่างกาย แต่ถ้าคนที่ไม่กินผักนั้นร่างกายจะแย่ เหมือนคนที่ไม่มีแรง โรคภัยนั้นจะถามหาบ่อย อีกอย่างหนึ่งแก่เร็วมากถ้าเรานั้นอยากมีร่างกายที่แข็งแรง ระบบร่างร่างของเรานั้นทำงานปกติเราต้องกินผักนะค่ะ 

 

สนับสนุนโดย  next88 thailand