ป้ายกำกับ: สุขภาพ

ในช่วงที่สถานะเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ยังคงมีอยู่ การเดินทางออกนอกบ้านเพื่อไปซื้ออาหารการกินจึงเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ไปเดินในตลาดนั้นไม่มีใครที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19หรือไม่อย่างนั้นกันปลูกผักทานเองจึงเป็นสิ่งสำคัญและสมควรทำในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างยิ่ง

แต่สำหรับหลายๆคนที่อาจจะไม่มีพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกมากนักเราจะมีวิธีการปลูกผักแบบง่ายๆและไม่ยุ่งยากแถมไม่เปลืองพื้นที่มาฝากกันซึ่งวันนี้จะเป็นการแนะนำการปลูกผักบุ้งในตะกร้ามีวิธีการยังไงบ้างมาดูกันเลยค่ะ

      ก่อนอื่นเราต้องนำเมล็ดผักบุ้งมาแช่น้ำเอาไว้โดยการแช่ค้างคืนไว้ 1 คืน หลังจากนั้นให้นำผ้าที่คิดว่าเป็นผ้าที่อุ้มน้ำไปชุบน้ำบิดพอหมาดหมาดแล้วนำเมล็ดของผักบุ้งที่เรามีการแช่เอาไว้ 1 คืนมาใส่ในภาพดังกล่าวนำผ้าไปห่อเมล็ดผักบุ้งให้มิดชิดหลังจากนั้นนำผ้าที่ห่อเมล็ดผักบุ้งไปใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดทิ้งไว้ 1 คืน หลังจากนั้น

เมื่อเราแกะผ้าออกมาดูแล้วจะเห็นว่าเมล็ดผักบุ้งที่เรามีการห่อไว้เมื่อคืนที่ผ่านมามีรากโทรออกมาเล็กน้อยหลังจากนั้นให้เราเตรียมน้ำใส่กะละมังแล้วนำตะแกรงซึ่งมีรูตรงก้นมาวางบนกาละมังที่เรามีกันใส่น้ำเอาไว้ด้วยให้ตะแกรงแตะกับพื้นน้ำพอดีห้ามให้น้ำสูงจนเกินไปเสร็จแล้วให้นำต้นอ่อนของผักบุ้งซึ่งมีรากแล้วมาวางในตะแกรง

โดยหย่อนเอารากลงไปแช่ในน้ำ วางทีละต้นให้ครบเต็มตะกร้า และหาต้นไหนที่ยังไม่ขึ้นรากเราก็สามารถนำมาโดยตรงช่องว่างที่เหลือได้ หลังจากนั้นก็นำผ้าชุบน้ำให้หมาดๆแล้วนำมาปิดทับหน้าเมล็ดผักบุ้งเอาไว้ จะสังเกตเห็นว่าแค่เพียงวันที่ 2 เท่านั้นร่างของผักบุ้งก็จะโผล่ยาวขึ้นเราจึงต้องมีการเติมน้ำในกะละมังแล้วนำตะกร้ามาแช่น้ำไว้เหมือนเดิม

ปิดผ้าไว้เหมือนเดิมซึ่งต้องทำแบบนี้ทุกๆวันโดยประมาณซักวันที่ 3 หรือวันที่ 4 ให้สังเกตว่ารากของผักบุ้งแช่ลงไปในน้ำครบทุกต้นแล้วหลังจากนั้นเราก็เอาผ้าออกไม่ต้องคลุมน้ำแล้วก็ปล่อยให้ต้นโตขึ้นได้ตามปกติ ประมาณไม่เกิน 7 วัน

ก็สามารถนำต้นของผักบุ้งมาทานได้แล้วโดยจะเป็นต้นอ่อนของผักบุ้งซึ่งเราสามารถปรับรากแล้วก็นำมาทำประกอบอาหารได้เลยเพียงเท่านี้เราก็ไม่ต้องไปหาซื้อผักนอกบ้านให้ยุ่งยากและไม่ต้องเสี่ยงอันตรายต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19แล้วค่ะ 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  next88

สำหรับการอาบน้ำถือได้ว่าเป็นการที่เรานั้นจะต้องทำในทุกๆวันและควรทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันอีกด้วย ซึ่งเราจะเห็นว่ามีบางคนที่ไม่ชอบในการอาบน้ำสักเท่าไหร่และเป็นการไม่ค่อยที่จะชอบเลยด้วยซ้ำ โดยพวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าการไม่อาบน้ำมันมีผลเสียต่อสุขภาพของเขาได้ และเป็นการทำร้ายร่างกายในรูปแบบหนึ่งอีกด้วย

ข้อเสียของการไม่อาบน้ำ

การอาบน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายและควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง ซึ่งหากไม่อาบน้ำแล้วนั้นจะส่งผลเสียอย่างไรบ้างมาดูกันเลย 

การที่เรานั้นไม่อาบน้ำจะส่งผลให้ผิวหนังของเรานั้นเกิดการระคายเคืองได้ โดยผิวของเราจะต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆที่เป็นมลพิษที่ทำให้ร่างกายของเราเกิดการเสียหาย ซึ่งการอาบน้ำชำระร่างกายจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายได้สะอาดขึ้นและเป็นการทำร้ายเชื้อโรคต่างๆที่ติดมากับร่างกายของเราด้วยเช่นกัน 

การไม่อาบน้ำยังส่งผลให้เรานั้นมีกลิ่นตัว เพราะมันเกิดจากการอับชื้นของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการสะสมของเหงื่อหรอการเผชิญกับสิ่งต่างๆที่เรานั้นมองไม่เห็นที่เรานั้นเรียกด่ามันคือเชื้อโรคนั่นเอง เชื้อโรคเหล่านี้เป็นการสะสมของแบคทีเรียที่มาจากสภาวะรอบกายของเราแหละ โดยเรานั้นจะป้องกันจากสิ่งอื่นๆไม่ได้อย่างแน่นอน โดยเรานั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อเรานั้นได้อาบน้ำและทำความสะอาดมันด้วยการนำเอาอุปกรณ์ต่างๆเพื่อมาเป็นการช่วยในการไล่เชื้อโรคและแบคทีเรียออกได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากเรานั้นไม่ชอบอาบน้ำก็จะทำให้เรานั้นติดเป็นนิสัยที่ไม่ชื่นชอบได้เช่นกัน

ในทางเดียวกันหากเรานั้นอาบน้ำบ่อยๆมันจะส่งผลให้เรานั้นติดเป็นนิสัย ซึ่งเราจะชื่นชอบในการอาบน้ำบ่อยด้วยเช่นกัน 

หากคุณไม่ชอบอาบน้ำ ซึ่งมันจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านของผิวหนัง โดยที่ท่านไม่ตั้งใจ ซึ่งเจ้าเชื้อโรคนี้จะไปทำลายผิวหนังของเราได้มากขึ้นและเชื้อแบคทีเรียนี้จะเป็นตัวขยายให้ผิวหนังของเรานั้นเสียหายเยอะขึ้นไปจากเดิม 

การติดเชื้อแบคทีเรียจากสาเหตุของการไม่อาบน้ำ

การที่เรานั้นไม่อาบน้ำจะทำให้เรานั้นติดเชื้อแบคทีเรียโดยมีอาการคันตามผิวหนังบางส่วน และอาจจะเกิดการเป็นผื่นแดงหรือมีตุ่มขึ้นในบางส่วน โดยส่วนใหญ่ที่มีการเกิดเรื่องแบบนี้มักจะเป็นส่วนที่อยู่ในร่มผ้า เพราะเป็นการหมักหมของร่างกายโดยเป็นการไม่อาบน้ำผสมกับเชื้อแบคทีเรียที่เจอตามกิจวัตรประจำวันและเป็นการเกิดจากเหงื่ออีกบางส่วน โดยสิ่งเหล่านี้เป็นตัวก่อให้เกิดการอักเสบต่อผิวหนังและจะทำให้ผิวหนังเกิดการติดเชื้อร้ายแรงได้นั่นเอง