เดือน: กรกฎาคม 2020

ในปัจจุบันผู้คนโดยส่วนมากนั้นมักจะใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค ฯลฯ กันในชีวิตประจำวัน และเกือบจะทั้งวันที่ผู้คนโดยส่วนใหญ่จะใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นล้วนแต่มีแสงสีฟ้าที่ทำให้เป็นอันตรายต่อดวงตาของเราในหลาย ๆด้าน ในระยะแรก ๆอาจะเริ่มมีอาการตาแห้ง ตาล้า

แต่หากใช้เป็นระยะเวลานานจะเริ่มรู้สึกแสบตา และมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา ทำให้เกิดอาการอักเสบ และในระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม หรือมีอาการตาพร่ามัวก่อนวัยอันควรได้  ดังนั้นเราจึงควรมาทำความรู้จักกับวิธีการปกป้องดวงตาของเราจากแสงสีฟ้า หากหลีกเลี่ยงที่จะใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คนั้นการปรับแสงสว่างของหน้าจอก็จำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งาน เพราะหากหน้าจอมีแสงสว่างที่มากจนเกินไปจะส่งผลเสียต่อดวงตาของเราเป็นอย่างมาก โดยสังเกตในขณะที่กำลังมองหน้าจอ ต้องรู้สึกสบายตา ไม่ต้องใช้สายตาในการมองเพ่งเล็งมากจนเกินไป ควรปรับระดับความสว่างให้พอดี ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป

ในขณะที่ต้องใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆที่มีแสงสีฟ้า ควรหาแว่นตาที่สามารถใช้ในการกรองแสงสีฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมาสวมไว้ เพื่อเป็นการป้องกันแสงสีฟ้าไม่ให้กระทบกับดวงตาของเราโดยตรง วิธีการนี้จะสามารถช่วยลดอันตรายจากแสงสีฟ้าได้เป็นอย่างมาก หรือหากผู้ที่ไม่ชอบสวมแว่นตาในขณะทำงาน เพราะรู้สึกไม่สะดวกสบาย ก็อาจติดฟิล์มที่สามารถป้องกันแสงสีฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่หน้าจอของอุปกรณ์นั้น ๆก็สามารถทำได้เช่นกัน

ทั้งนี้ถึงจะมีการปรับระดับแสง สวมแว่นกรองแสงสีฟ้า หรือติดฟิล์มป้องกันแสงสีฟ้า การใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆที่มีแสงสว่างมาก ๆก็ควรให้ดวงตาของเราได้มีการพักบ้าง โดยการมองไปที่อื่นหรือหากิจกรรมอื่น ๆทำบ้างในทุก ๆ 20 นาที เพื่อเป็นการพักดวงตาไม่ให้ล้าจนเกินไป และหากผู้ที่มีอาการตาแห้งมากหรือมีอาการแสบตา ควรหยดน้ำตาเทียมเพื่อช่วยหล่อลื่นดวงตาให้มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา 

การปรับระดับตัวอักษรในอุปกรณ์ต่าง ๆก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากตัวอักษรมีขนาดที่เล็กจนเกินไป จะทำให้เราต้องใช้สายตาในการเพ่งเล็งมาก จะยิ่งทำให้เกิดผลเสียต่อดวงตา ดังนั้นจึงควรปรับระดับตัวอักษรให้อยู่ในขนาดที่พอดี เมื่อเรามองแล้วรู้สึกสบายตา เห็นได้ชัดไม่ต้องเพ่งเล็งหน้าจอมากจนเกินไป

นอกจากวิธีการในการป้องกันแล้ว การรับประทานอาหารที่มีวิตามิน และแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการดูแลรักษาดวงตาของเราได้เช่นกัน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  v9bet

วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของโรคความดันในเลือดสูงซึ่งหลายคนก็อาจจะคิดว่าโรคความดันในเลือดนั้นมันสามารถที่จะรักษาเองได้ด้วยเหรอมันควรจะต้องให้หมอรักษาไม่ใช่เหรอ

ซึ่งโรคความดันสูงการที่จะทำให้มันหายหรือว่าจะทำให้มันลงได้เกือบ90%มันขึ้นอยู่กับที่ตัวของเราเองและอีก10%มันเป็นเรื่องของการใช้ยามันก็เป็นเรื่องของหมอถึงแม้การใช้ยาก็ได้มีงานวิจัยที่รพ.วิคแฮมที่อเมริกาเขาได้มีการทำการทดลองรักษาความดันในเลือดสูงอยู่สองแบบ แบบที่หนึ่งนั้นเราก็ได้ที่ รพ. ปกติตามที่หมอนัดพบแพทย์และวิธีนี้มันเป็นวิธีที่รูปกันโดยทั่วไปว่ามันจะสามารถทำให้การควบคุมโรคได้ประมาณ50%หมายความว่าคนที่เป็นเม็ดเลือดสูงเมื่อได้มารักษากับแพทย์100คนเราจะสามารถคุมคนให้ได้อยู่ในเป้าหมายได้ประมาณ50คน

ซึ่งตรงนี้เป็นสูตรที่สำเร็จโดยทั่วโลกและใครที่ทำสำเร็จเกิน50คนเราก็ยังไม่เคยเห็นมันก็ไม่มีมันก็จะอยู่แประมาณนี้แหละที่นี่ที่รพ.วิคแฮมกเขาก็ได้ทดลองทำงานวิจัยอีกรูปแบบหนึ่งก็คือไม่ต้อมาที่ รพ. อยู่ที่บ้านเราสามารถอยู่ที่บ้านแล้วก็ใช้อินเตอร์เน็ตวัดความดันก็วัดด้วยเครื่องอัตโนมัติและข้อมูลมันก็จะขึ้นไปบนอินเตอร์เน็ตและหมอและทีมงานของหมอก็ได้คุยกับคนไข้ประมาณสองอาทิตย์ถึงจะนัดคุยกันทีเรื่องปรับยาหรืออะไรก็แล้วแต่ก็จะทำบนอินเตอร์เน็ต

ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตเสยมากกว่าซึ่งวิธีนี้ปรากฏว่าจากเดิมแล้วที่เรานั้นได้รักษาที่ รพ. มันสามารถที่จะควบคุมความดันได้50%ของคนไข้ทั้งหมดซึ่งวิธีนี้มันสามารถที่จะควบคุมได้ทั้งหมดเกือบ80%ของคนไข้ทั้งหมด

ซึ่งมันเป็นวีธีที่ได้รักษาความดันในเลือดสูงครั้งแรกที่อัตราที่ประสบความสำเร็จในการคุมความดันสูงได้มากขนาดนี้นั่นมันก็คือวีธีทำให้คนไข้นั้นได้ดูแลตัวเองอยู่ที่บ้านหมอหรือทีมงานของแพทย์ก็แค่จะอยู่ห่างๆเพราะฉะนั้นในการรักษาความดันประมาณ90%มันทำด้วยตัวเองก่อนอื่นเลยเราจะมาคุยกันก่อนว่าความดันเลือดนั้นมันคืออะไร

ซึ่งความดันเลือดนั้นก็คือเวลาที่หัวใจนั้นได้บีบตัวลงมันจะมีหลอดเลือดพอหัวใจบีบตัวลงเลือดมันก็จะวิ้งไปตามหลอดเลือดเวลาบีบตัวแต่ละทีเลือดมันก็จะวิ่งไปแรงและในหลอดเลือดนั้นมันก็จะมีแรงดันเกิดขึ้นนั่นแหละที่เขาเรียกกันว่าความดันในเลือดที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วเมื่อสักครู่นี้

 

สนับสนุนโดย    next88 มือถือ

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วๆไป เพราะว่าทุกครอบครัวล้วนมีเหตุที่บางทีอาจก่อความไม่ลงรอยกันระหว่างสมาชิกในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นความความเห็นที่ไม่เหมือนกัน การเลี้ยงลูก ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ หรือภาวะทางการเงิน

ซึ่งความไม่ลงรอยกันเหล่านี้บางทีอาจแย่ลงกว่าเดิมจนกระทั่งกระทบต่อความเกี่ยวพันในครอบครัว อาจส่งผลให้ชีวิตของการการมีคู่ครองจบลงและก็ทำให้เกิดผลเสียต่อสภาพทางด้านจิตใจของเด็กได้ด้วย ฉะนั้น เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นด้านในครอบครัว คนภายในบ้านควรจะร่วมมือกันจัดแจงปัญหาต่างๆเพื่อให้ชีวิตครอบครัวราบรื่น แล้วก็สมาชิกคนอื่นๆก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้

ต้นเหตุโดยมากของปัญหาด้านครอบครัว

สาเหตุต่างๆต่อไปนี้ มักเป็นต้นเหตุของความไม่ลงรอยกันที่เกิดขึ้นในครอบครัว

สภาวะเจ็บไข้ได้ป่วย

ถ้าเกิดสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหรือผู้นำครอบครัวมีปัญหาสุขภาพหรือมีอาการป่วยด้วยโรคต่างๆก็บางทีอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพทางด้านจิตใจของคนภายในครอบครัวรวมทั้งสร้างความวิตกกังวลไม่น้อย เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้ ตัวอย่างเช่น สถานะทางด้านการเงินของครอบครัว ฯลฯ

ปัญหาเกี่ยวกับการเงิน

ภาวะเศรษฐกิจและก็การตกงานอาจก่อให้สมาชิกภายในครอบครัวเกิดความเคร่งเครียด ไม่สบายใจ แล้วก็บางทีอาจพบเจอสภาวะกลัดกลุ้มได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นทางการเงินบางทีอาจเป็นต้นเหตุทำให้พ่อหรือแม่จะต้องออกไปหางานทำ จนถึงส่งผลให้เด็กจะต้องอยู่กันเพียงลำพังและก็ขาดการดูแลหรือสั่งสอนอย่างที่น่าจะได้รับ

นิสัยและก็ความเคยชินส่วนตัว

แม้ว่าจะตกลงใช้ชีวิตคู่ด้วยกันฉันผัวเมียแล้ว แต่ว่านิสัยส่วนตัวที่มีมานานนั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก ซึ่งอาจจะทำให้คู่รักไม่ชอบใจนิสัยหรือความประพฤติปฏิบัติของอีกฝ่ายเมื่อจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แล้วก็บางทีอาจเอามาสู่ความขัดแย้งได้

ความบกพร่องสำหรับในการรับผิดชอบหน้าที่

ในช่วงปัจจุบัน ผู้หญิงมีหน้าที่สำหรับการทำงานเพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวเหมือนกันกับผู้ชาย ถ้าหากผู้หญิงจะต้องรับผิดชอบงานบ้านงานเรือนต่างๆหลังเลิกงานก็อาจจะก่อให้รู้สึกเมื่อยล้า อารมณ์เสีย แล้วก็บางทีอาจกำเนิดความขัดแย้งในครอบครัวขึ้นได้ เพราะว่าสามีแล้วก็ภรรยาต้องมีความรับผิดชอบในงานบ้านและก็การดูแลลูกด้วยกัน

การนอกใจ

การนอกใจคือปัญหาที่บางทีอาจรุนแรงจนกระทั่งขั้นทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาจบลงแล้วก็มีการแยกทางได้ ซึ่งเด็กที่พ่อแม่แยกทางกันนั้นบางทีอาจรู้สึกขาดความอบอุ่น ขาดการดูแลอบรมที่ดี ขาดที่พึ่งพิงรวมทั้งการชี้แนะให้คำแนะนำ จนถึงอาจส่งผลให้เด็กขาดการควบคุมตนเองรวมทั้งส่งผลให้มีความประพฤติที่ไม่เหมาะสมได้ ตัวอย่างเช่น ติดยาเสพติด ติดการพนัน และก็มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ฯลฯ

 

สนับสนุนโดย  ติดต่อ entaplay

อาการเจ็บคอนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีการระคายเคืองที่บริเวณคอ เป็นส่วนหนึ่งของอาการที่สร้างความทรมานไม่น้อยไปกว่าอาการเจ็บป่วยอื่นเลยเพราะทำให้เรานั้นต้องกินและกลืนน้ำลายหรือว่าอาหารนั้นยากมาก เนื่องจากว่าเรานั้นต้องเจ็บคอตลอดเวลาซึ่งจะทำให้เรานั้นรู้สึกว่าเรานั้นไม่สบายตัว และในบางครั้งหรือว่าบางเวลานั้นมีอาการไอเป็นเสมหะและเป็นไข้ร่วมด้วย

และโดยคนส่วนใหญ่นั้นมักจะเข้าใจนั้นผิดว่าเมื่อมีอาการเจ็บคอนั้นต้องกินแต่ว่าเพียงเท่านั้นอันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเสมอไปนะค่ะเพราะว่าอาการเจ็บคอนั้นก็เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุเช่นเกิดจากการติดเชื้อ พฤติกรรมต่างๆในการที่เรานั้นออกเสียงที่ไม่เหมาะสม สภาพอากาศ  เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ก็ทำให้เรานั้นมีอาการเจ็บคอได้เหมือนกันและวิธีในการรักษานั้นก็แตกต่างกันออกไป และสาเหตุของอาการเจ็บคอนั้นเราแบ่งออกเป็นสองประเภทดังต่อไปนี้ 

 

  • เกิดจากการที่เรานั้นติดเชื้อต่างๆ  การติดเชื้อจะทำให้เกิดอาการอักเสบที่คอ หรือว่าอาการเจ็บคอได้ ส่วนใหญ่จะเป็นอาการของคนที่ติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ 
  • เชื้อราสามารถที่ทำให้เรานั้นเกิดอาการเจ็บคอแต่ว่าพบได้น้อยมาก เพราะว่าส่วนมากนั้นจะเกิดจากภูมิคุ้มกัน เช่น  ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
  • เชื้อแบคทีเรีย สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้เช่นกัน 
  • สาเหตุที่ไม่ได้ติดเชื้อ  อันนี้ก็จะเป็นเกี่ยวกับปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอ 

 

  • การที่เรานั้นพูดหรือว่าใช้เสียงมากเกินไป เช่นเรานั้นตะโกรน หรือว่ามีการที่ใช้เสียงดังมากและนาน 
  • การสูบบุหรี่เพราะว่าควันบุหรี่ทำให้เรานั้นเกิดการระคายเคืองที่คอได้
  • กรดไหลย้อน  เกดจากที่ในกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนกลับทำให้เรานั้นเกิดอาการแสบอยู่ที่ลำคอ  
  • อากาศนั้นก็ทำให้เรานั้นมีอาการเจ็บที่คอได้เพราะว่าแพ้อากาศหรือว่าอากาศนั้นแห้ง 
  • ผลข้างเคียงของการที่เรานั้นใช้ยาบางชนิด สามารถทำให้เรานั้นเกิดอาการคอที่แห้งจนทำให้เรานั้นรู้สึกว่ามีอาการเจ็บคอ เช่นยาลดความดันเป็นต้นค่ะ 

วิธีการรักษาอาการเจ็บคอ วิธีการรักษาอาการเจ็บคอ จะแบ่งออกเป็นการรักษาตามการที่ติดเชื้อต่างๆ และผู้ป่วยนั้นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมดังนี้ 

  • รักษาตามอาการที่เรานั้นติดเชื้อต่างๆ เชื้อไวรัสโดยปกติแล้วจะหายได้เองประมาณ 5-7 วัน ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย และการพักผ่อนของเองโดยที่เรานั้นไม่ต้องรับประทานยาแต่ว่าเรานั้นต้องหมั่นกลั้วคอด้วยน้ำเกลือที่เราเอาเกลือป่นนั้นมาผสมกับน้ำต้มสุกจากนั้นเราก็ทำการกลั้วคอ เพื่อให้อาการของเรานั้นดีขึ้น   เชื้อแบคทีเรีย ถ้าเรานั้นมีอาการเจ็บคอนั้นเกิน 7 วัน ให้เรานั้นควรที่ไปหาแพทย์หรือว่า เภสัชกรเพื่อที่เรานั้นจะทำการรักษาเพราะว่าเขานั้นจะได้ให้ยาเช่น ปฏิชีวนะ เช่น ยาอะม๊อกซีซิลลิน เพื่อที่จะลดอาการของการติดเชื้อเป็นต้น

 

ขอขอบคุณ  รวมเว็บหวยออนไลน์  ที่ให้การสนับสนุน

อาการไข้หวัดคัดจมูกนั้น นอกจากผู้ใหญ่อย่างเราๆจะเป็นกันบ่อยแล้ว เด็กตัวน้อยๆภูมิต้านทานยิ่งน้อยกว่าผู้ใหญ่อย่างเรายิ่งเป็นบ่อยมากกว่า และการดูแลรักษาก็จะทำได้น้อยกว่า ผู้ใหญ่บางคนไม่อยากเสียเวลาหาสมุนไพรมาใช้ให้ยุ่งยากไปหาหมอที่โรงพยาบาลให้หมอฉีดยาไม่กี่วันก็หายแล้ว

แต่สำหรับเด็กเล็กๆ พ่อแม่อย่างเราก็ไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บเพราะเข็มฉีดยาบ่อยๆ ไม่อยากให้รีบกินยาบ่อยเกินไป ดังนั้นเรามาหาวิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยลูกน้อยของเราให้หายจากอาการคัดจมูกเบื้องต้นกันก่อนดีกว่าค่ะ โดยทั่วไปหากเด็กที่เล็กมากๆ เขายังไม่สามารถบอกกับเราได้ตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร เจ็บป่วยตรงไหนหรือไม่

ดังนั้นเราในฐานที่เป็นพ่อแม่ จึงต้องคอยหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อย หากได้ยินเสียงหายใจของเขาดังผิดปกติหรือมีน้ำมูกไหล สามารถคาดเดาได้ว่าตอนนี้ลูกน้อยคงหายใจไม่ค่อยสะดวก และหากดูแล้วมีขี้มูกมาอุดตันเรามีวิธีมาช่วยลูกน้อยกันค่ะ

  1. การใช้คัดตันบัดส์ เราสามารถช่วยทำความสะอาดโพรงจมูกของลูกน้อย เอาน้ำมูกที่อยู่ในรูจมูกออกมาได้เพียงแค่นำคัดตันบัดส์จุ่มลงไปในน้ำเกลือที่ใช้สำหรับล้างจมูกค่อยแหย่เช็คทำความสะอาด รูจมูกให้ลูกน้อย คัดตันบัดส์จะเข้าไปดูดเอาน้ำมูกข้างในออกมา จะช่วยให้ลูกน้อยหายใจได้โล่งขึ้นแต่ควรทำอย่างระมัดระวังอย่าแหย่ลึกจนเกินไป อยากแหย่ไปกระแทกจมูกของลูก
  1. การใช้ที่ดูดน้ำมูกดูดเอาน้ำมูกออกมา เราสามารถหาซื้อที่ดูดน้ำมูกตามร้านขายยาได้ทั่วไป โดยก่อนที่จะใช้ที่ดูดน้ำมูกให้นำที่ดูดน้ำมูกทำความสะอาดเสียก่อน หลังจากนั้นใช้ที่ดูดน้ำมูกดูดน้ำเกลือแล้วหยุดเข้าไปที่รูจมูกลูกสัก2- หยุดเล็กๆ ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที เพื่อให้น้ำเกลือไปละลายความเหนียวของน้ำมูกสักหน่อยแล้วจึงดูดเอาน้ำมูกออกจากรูจมูกของลูกน้อย
  1. ยาวิค หรือน้ำมันยูคาลิปตัสเทใส่สำลีเพียงนิดหน่อยแล้วเอามาใกล้ๆพอให้ลูกน้อยได้กลิ่นก็จะช่วยให้จมูกโล่งได้ แต่อย่าทาตรงผิวหนังของลูกโดยตรงเพราะอาจเกิดอาการแพ้ได้
  1. และอีกวิธีที่ได้ผลคือ ใช้น้ำยาหยอดจมูก หยอดลงไปในรูจมูกของลูกน้อยโดยให้หยอดข้างละหยด ทิ้งไว้สักพักจมูกของลูกจะโล่งแต่การใช้น้ำยาหยอดจมูกนั้นควรเป็นการสั่งยาจากทางแพทย์เท่านั้น และการใช้ยาหยอดจมูกไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกิน 5 วันปกติคุณหมอจะให้ใช้แค่เพียง 3 วันเท่านั้น เพราะหากมีการใช้ยาหยอดจมูกนานเกิดไป ตัวยาจะไปทำปฎิกิริยากับโพรงจมูกทำให้ผนังด้านใบบวม และจะมีผลทำให้ลูกน้อยยิ่งหายใจไม่ออก

 

 

สนับสนุนมาจาก  next88 ดีไหม

เดียวนี้เด็กหรือคนโตส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกินผักกันเพราะบอกว่ากลัวขมบ้างเหม็นเขียวบ้าง จะอวกบ้าง ก็ว่ากันต่างๆนาๆ การที่เรานั้นไม่กินผักเลยหรือกินน้อยมากเหมือนกินแค่เป็นผักชีโรยหน้าแค่นั้นพอ หรือไม่แตะเลย การที่เรานั้นไม่กินผักเลยคุณรู้หรือไม่ว่าร่างกายของเรานั้นจะเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะผักนั้นเป็นสิ่งที่ประโยชน์ต่อร่างกายมาก ถ้าเราไม่กินผักกินแต่จำพวกเนื้อสัตว์นั้นร่างกายของเรานั้นจะทำงานหนัก อาจจะทำให้เรานั้นเสียชีวิตได้ 

หรืออาจจะเกิดโรคภัยกับเราอย่างได้ชัดเจนคนที่ไม่กินผักนั้นแน่นอนว่าเรานั้นต้องท้องผูกเวลาเข้าห้องน้ำนั้นจะถ่ายยาก หรือนานหลายวันค่อยถ่าย  เพราะถ้าเรานั้นไม่กินผัก ร่างกายเรานั้นแย่  ความจำก็ไม่ดี การที่เรานั้นจะมองเห็นนั้นก็จะค่อยๆหายไปที่ละน้อย ยิ่งเรานั้นอายุเยอะขึ้นร่างกายเรานั้นต้องการพลังงานก็จะทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อโรคได้หลายอย่าง เช่นมะเร็ง โรคไต และอื่นอีกมากมาย การที่เรานั้นไม่กินผักแน่นอนว่าทำให้เราท้องผูกถ่ายลำบากยิ่งปล่อยให้นานขึ้น

อาจจะเป็นโรคริดสีดวงก็ได้หรือทำให้เรานั้นมีกลิ่นตัวที่เหม็นอันนี้ก็เกี่ยวกับการที่เรานั้นไม่กินผักเช่นกัน  สิวขึ้นเพราะว่าการที่เรานั้นไม่กินผัก วิตามิน จะเอามาจากตรงไหน เกลือแร่ อาจจะทำให้เรานั้นไม่ค่อยสบายบ่อยเพราะเรานั้นไม่กินผัก จะทำให้ร่างกายของเรานั้นอ่อนแอมาก  เราอยากให้คุณนั้นลองมองดูตัวเองว่าผมเรานั้นร่วงไหม ถ้าผมเรานั้นร่วง เพราะเรานั้นขาดวิตามิน เอ ผิวพรรณเรานั้นแห้งแตกไหม นั้นก็เป็นอีกอย่างที่เรานั้นต้องการแร่ธาตุ จากการที่เรานั้นได้กินผัก 

แล้วยิ่งเพื่อนๆเรานั้นไม่ค่อยกินผักชอบบ่นว่ากลัวเหม็นไอ้อันไอ้นี่ คุณควรบอกเพื่อนไปเลยว่าการที่เรานั้นกินผักไม่ทำให้เรานั้นตายหรอกแต่ถ้าคนที่ไม่กินผักนั่นแหล่ะจะตายเพราะไม่มีแร่ธาตุอาหารอะไรเลยที่จะช่วยให้ร่างกายของเรานั้นเอาไปให้พลังงาน คนที่ไม่กินผักเวลาที่ไม่สบายนั้นจะหายช้ากว่าคนที่กินผัก เพราะคนที่กินผักนั้นร่างกายของเขานั้น

จะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการเอาไปสร้างความต้องการของร่างกาย แต่ถ้าคนที่ไม่กินผักนั้นร่างกายจะแย่ เหมือนคนที่ไม่มีแรง โรคภัยนั้นจะถามหาบ่อย อีกอย่างหนึ่งแก่เร็วมากถ้าเรานั้นอยากมีร่างกายที่แข็งแรง ระบบร่างร่างของเรานั้นทำงานปกติเราต้องกินผักนะค่ะ 

 

สนับสนุนโดย  next88 thailand

โดยปกตินั้นบ้านเรานั้นจะมีทั้งหมดนั้นสามฤดู  มีทั้งหน้าร้อน  หน้าหนาว  หน้าฝน  ที่เรานั้นคุ้นเคยกัน  แต่ว่าด้วยเดี่ยวนี้นั้นกลับกลายมีแต่หน้าร้อน  และหน้าร้อน  เพียงเท่านี้นั้น  จนทำให้เรานั้นรู้สึกได้ว่าอากาศแบบนี้ทำให้เรานั้นรู้สึกว่าเรานั้นจะเป็นลม  เพราะว่าด้วยโรคที่ร้ายแรงที่มากับหน้าร้อนที่เราไม่ค่อยได้รู้ซึ่งวันนี้นั้นเราจะมาบอกวิธีการเตือนโรคระวังที่เรานั้นมาพร้อมกับแดดแรงๆที่เราควรที่จะระวัง  

  1. โรคลมแดด (ฮีทสโตรก ) 

ที่เรานั้นคิดว่าหลายๆคนนั้นอาจจะคุ้นๆหูกันอยู่แล้ว  เพราะว่าเป็นชื่อที่ทางแพทย์นั้นเรียกหรือว่าอีกชื่นที่เรานั้นเรียกันนั่นก็คือโรคลมแดดนั่นเอง  เกิดขึ้นจากอากาศที่บ้านของเราร้อนมากจนทำให้ร่างกายของเรานั้นระบายความร้อนที่ตัวเราออกไม่ทันจนทำให้อุณหภมิในร่างกายร้อน  และเกิดอาการหน้ามืด  และร่วมกับอาการที่เราขาดน้ำจากการที่เราร้อนและเราไม่ได้ดื่มน้ำนั่นเองจนทำให้ร่างกายของเราสูญเสียน้ำ  ดังนั้นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เรานั้นเสียเหงื่อโดยจากที่ร่างกายของเราขาดน้ำก็เป็นไปได้  

  1. เพลียแดด  

อาการของการเพลียแดดนั้นก็คล้ายกับลมแดดแต่ว่าอาจจะไม่มีอาการถึงขันมีอาการที่จะชัก  หรือว่าเป็นลมต่อหน้าคนอื่นขนาดนั้นซึ่งเรานั้นอาจจะมีอาการบ้านหมุนโดยที่เรานั้นรู้ตัว  แต่ว่าถ้าเรามีอาการเพลียแดดแล้วเราต้องทำงานที่เป็นเครื่องจักรนั้นเราก็รู้ถึงความอันตราย  เพราะว่าอาการแบบนี้นั้นสามารถที่จะทำให้เรามีอาการตาลายได้ตลอด  ดังนั้นเมื่อเรารู้ตัวว่าเรานั้นอยู่ที่เครื่องจักรเราก็ควรที่จะถอยห่างออกมาหรือว่าเรานั้นเรียกคนให้มาช่วยดูงานหรือว่าเรากดปุ่มหยุดงานก่อน  ถ้าเครื่องจักรที่เราทำงานนั้นแล้วเราหน้ามืดด้วยแล้วอาจจะเป็นอาการที่เราคิดว่าไม่ใช่แค่เป็นลมเพียงอย่างเดี่ยว 

  1. ตะคิวแดด 

ส่วนใครที่ชอบวิ่งนั้นอาจจะต้องคุ้นเคยกับการที่เราเป็นตะคิวแดดเพราะว้าอาการนี้นั้นก็คล้ายๆกับการที่เป็นตะคิวธรรมาดานั่นแหล่ะค่ะ  แต่ว่าจะเป็นที่แขน  ขา  เมื่อตอนที่เราวิ่ง  ถ้าเราเป็นตะคิวแดดนั้นเราควรที่จะหยุดวิ่งก็จากนั้นเราก็ค่อยดื่มน้ำ  หรือว่าหาน้ำผลไม้นั้นมากินแต่ว่าจากนั้นเราก็ควรที่จะหาน้ำดื่มเพื่อที่จะชดเชยน้ำที่ร่างกายของเรานั้นขาดไป  แต่ถ้าอาการเป็นตะคิวของเรานั้นไม่ดีขึ้นให้เราหยุดวิ่งอย่างน้อยวันถึงสองวัน 

 

สนับสนุนมาจาก  rb88 ฟรี 300

         คนที่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพและคนที่ต้องการลดน้ำหนักเรามักจะพบว่าบุคคลเหล่านี้ตัวเลือกในการกินอาหารของพวกเขาส่วนใหญ่นั้นก็คือการกินสลัดผักนั่นเองแต่คุณรู้หรือไม่ว่าการที่เรากินสลัดผักนั้นหากเราเลือกกินไม่เป็นแทนที่เราจะผอมเราอาจจะมีน้ำหนักเพิ่มมากินก็ได้และแทนที่เราจะได้ประโยชน์ต่อการกินสลัดผักนั้นเราอาจจะเสียผลประโยชน์และทำให้ร่างกายของเราทรุดโทรมเร็วได้ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกกินสลัดผักให้ถูกต้องและไม่ควรทำสิ่งต่อไปนี้หากเราต้องการกินสลัดผักเพื่อให้ได้ประโยชน์แก่ร่างกายของเราจริงๆ

         วิธีการกินสลัดผักที่ถูกต้องและให้ได้ผลดีกับร่างกายของเรานั้นก็คือการกินสลัดผักนั้นไม่จำเป็นจะเพราะว่าเราจะต้องกินผักอย่างเดียวเสมอไปก็สามารถนำผลไม้หรือแม้แต่นำโปรตีนไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์มาเป็นส่วนผสมในการกินสลัดผักของเราได้เช่นเดียวกันไปแล้วซึ่งการกินโปรตีนจะช่วยให้เรานั้นได้รับสารอาหารมากมายและยังช่วยเรื่องของการกระตุ้นระบบการเผาผลาญการดูแลผิวพรรณของเราให้ดียิ่งขึ้น

ดังนั้นคนที่เลือกกินสลัดผักควรจะมีการกินโปรตีนผสมเข้าไปด้วยเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและการกินสลัดผักดีๆนั้นเราควรจะเลือกผักหลายๆชนิดผสมรวมกันบางคนเลือกกินสลัดผักแกงผักกาดแก้วอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งอันที่จริงแล้วเราแทบไม่ได้สารอาหารอะไรจากผักกาดแก้วเลยเนื่องจากว่าผักกาดแก้วนั้นมีสารอาหารน้อยมากส่วนใหญ่แล้วจะมีน้ำอยู่ในผักกาดแก้วข้างเยอะดังนั้นเราจึงควรต้องเพิ่มผักชนิดอื่นๆเข้าไปไม่ว่าจะเป็นผักกาดหอมหรือผักป่วยเล้งหรือผักชนิดอื่นๆ

ที่เป็นผักใบเขียวหรือผักใบสีม่วงนำผักหลายๆสีมาผสมรวมกันในสลัดผักของเราก็จะช่วยทำให้เรานั้นได้รับสารอาหารจากผักชนิดอื่นๆเพิ่มเข้ามาด้วยซึ่งเราจะได้สารอาหารในการเข้าไปบำรุงร่างกายและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วยอีกครั้งเรานั้นควรจะกินพวกขนมปังกรอบเข้าไปเป็นส่วนผสมบ้างเล็กน้อยเพราะการที่เราไม่มีแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตเข้าไปในร่างกายของเรา

เลยนั้นก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายของเราสักเท่าไหร่ถึงแม้ว่าการกินผักมากๆจะช่วยในเรื่องของระบบการย่อยก็ตามแต่การที่เราได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนขาดในเรื่องของคาร์โบไฮเดรตขาดในเรื่องของโปรตีนตั้งใจของเราก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันที่สำคัญการกินน้ำสลัดที่ดีนั้นควรกินน้ำสลัดที่เป็นแบบน้ำใสและไม่ควรใส่น้ำปลัดไปงดเว้นการทานน้ำสลัดแบบน้ำข้นไปเลยเพราะยิ่งทำให้เรากินแล้วอ้วนมากนั่นเองหากทำได้ตามนี้ก็จะสามารถช่วยทำให้เรานั้นได้รับประโยชน์จากกินสลัดผักได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  next88