หมวดหมู่: สุขภาพทั่วไป

ในปัจจุบันผู้คนโดยส่วนมากนั้นมักจะใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค ฯลฯ กันในชีวิตประจำวัน และเกือบจะทั้งวันที่ผู้คนโดยส่วนใหญ่จะใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นล้วนแต่มีแสงสีฟ้าที่ทำให้เป็นอันตรายต่อดวงตาของเราในหลาย ๆด้าน ในระยะแรก ๆอาจะเริ่มมีอาการตาแห้ง ตาล้า

แต่หากใช้เป็นระยะเวลานานจะเริ่มรู้สึกแสบตา และมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา ทำให้เกิดอาการอักเสบ และในระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม หรือมีอาการตาพร่ามัวก่อนวัยอันควรได้  ดังนั้นเราจึงควรมาทำความรู้จักกับวิธีการปกป้องดวงตาของเราจากแสงสีฟ้า หากหลีกเลี่ยงที่จะใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คนั้นการปรับแสงสว่างของหน้าจอก็จำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งาน เพราะหากหน้าจอมีแสงสว่างที่มากจนเกินไปจะส่งผลเสียต่อดวงตาของเราเป็นอย่างมาก โดยสังเกตในขณะที่กำลังมองหน้าจอ ต้องรู้สึกสบายตา ไม่ต้องใช้สายตาในการมองเพ่งเล็งมากจนเกินไป ควรปรับระดับความสว่างให้พอดี ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป

ในขณะที่ต้องใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆที่มีแสงสีฟ้า ควรหาแว่นตาที่สามารถใช้ในการกรองแสงสีฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมาสวมไว้ เพื่อเป็นการป้องกันแสงสีฟ้าไม่ให้กระทบกับดวงตาของเราโดยตรง วิธีการนี้จะสามารถช่วยลดอันตรายจากแสงสีฟ้าได้เป็นอย่างมาก หรือหากผู้ที่ไม่ชอบสวมแว่นตาในขณะทำงาน เพราะรู้สึกไม่สะดวกสบาย ก็อาจติดฟิล์มที่สามารถป้องกันแสงสีฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่หน้าจอของอุปกรณ์นั้น ๆก็สามารถทำได้เช่นกัน

ทั้งนี้ถึงจะมีการปรับระดับแสง สวมแว่นกรองแสงสีฟ้า หรือติดฟิล์มป้องกันแสงสีฟ้า การใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆที่มีแสงสว่างมาก ๆก็ควรให้ดวงตาของเราได้มีการพักบ้าง โดยการมองไปที่อื่นหรือหากิจกรรมอื่น ๆทำบ้างในทุก ๆ 20 นาที เพื่อเป็นการพักดวงตาไม่ให้ล้าจนเกินไป และหากผู้ที่มีอาการตาแห้งมากหรือมีอาการแสบตา ควรหยดน้ำตาเทียมเพื่อช่วยหล่อลื่นดวงตาให้มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา 

การปรับระดับตัวอักษรในอุปกรณ์ต่าง ๆก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากตัวอักษรมีขนาดที่เล็กจนเกินไป จะทำให้เราต้องใช้สายตาในการเพ่งเล็งมาก จะยิ่งทำให้เกิดผลเสียต่อดวงตา ดังนั้นจึงควรปรับระดับตัวอักษรให้อยู่ในขนาดที่พอดี เมื่อเรามองแล้วรู้สึกสบายตา เห็นได้ชัดไม่ต้องเพ่งเล็งหน้าจอมากจนเกินไป

นอกจากวิธีการในการป้องกันแล้ว การรับประทานอาหารที่มีวิตามิน และแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการดูแลรักษาดวงตาของเราได้เช่นกัน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  v9bet

เมื่อคุณนั้นอยากจะลดน้ำหนักผู้คนจำนวนมากจะสับสนในวิธีการลดซึ่งมันก็จะมีมากมายหลากหลายสูตรกันเหลือเกินทั้งสูตร 3วัน7กิโล ยาลดน้ำหนัก วิ่งวันละ5ชั่วโม อดอาร ซึ่งบอกเลยว่าคุณก็เลือกไม่ถูกกันใช่มั้ยงั้นมาดูทางนี้ดังนั้นก่อนที่คุณนั้นจะใช้วิธีใดๆเพื่อจะลดน้ำหนักเราอยากจะให้คุณนั้นได้ทำความเข้าใจกับข้อเท็จจริง

ตามหลักวิทยาศาสตร์ของร่างกายเรานั้นดูเสียก่อนเมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไปร่างกายของเรานั้นก็จะเปลี่ยนอาหารเหล่านี้ให้กลายมาเป็นพลังงานที่มีหน่วยว่าแคลอรี่โดยร่างกายจำเป็นที่จะต้องนำเอาพลังงานเหล่านี้มาใช้เพื่อให้เรานั้นได้มีชีวิตที่อยู่ได้ไม่ว่าจะเป็นหัวใจที่เต้นสมองที่คิดจนไปถึงใมนการเคลื่อนไหวต่างๆของเรา

ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายนั้นจะมีการเผาผลาญอยู่ที่2,000กิโลแคลอรี่ต่อวันส่วนผู้หญิงนั้นจะมีการเผาผลาญอยู่ที่1,800กิโลแคลอรี่ต่อวัน ซึ่งถ้าหากว่าเรารับประทานอาหารเข้าไปที่จำนวนมากกว่าพลังงานที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้พลังงานส่วนที่เหลือก็จะถูกนำมาเก็บเป็นไขมันสะสมแทน ซึ่งนั่นเองมันทำให้เรานั้นอ้วนนั่นเอง

แต่ในทางกลับกันแล้วหากเรานั้นรับแประทานอาหารที่น้อยกว่าพลังงานที่เรานั้นได้ใช้ร่างกายก็จะเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่เหล่านี้ให้เปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้เช่นกัน ซึ่งตามทิศดีแล้วหากเรานั้นสามารถที่จะลดพลังงานลงได้7,000กิโลแคลอรี่ไขมันก็จะถูกสหลายหายไป1กิโลกรัม ซึ่งมันก็จะต้องให้เรานั้นผอมลงได้1กิโลกรัมนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น หากเรานั้นรับประทานจำนวน500กิโลแคลอรี่ต่อวันพลังงานก็จะถูกลดลงประมาณ1,500กิโลแคลอรี่ต่อวัน และนั่นเองก็หมายความว่าหากเรานั้นทำเวลาเหล่านี้ได้เป็นเวลา1สัปดาห์นำหนักของเรานั้นก็จะลดลงไปประมาณ1.5กิโลกรัมและใน1เดือนน้ำหนักเราก็จะลดลงไป6กิโลกรัมและถ้าหากว่าเรานั้นสามารถที่จะลดแบบนี้ลงไปเรื่อยๆแล้วภายใน2ปีนำหนักของเรานั้นก็จะลดลงไปจำนวน144กิโลกรัมเลยทีเดียว

และในคำถามที่ถามกันมาว่า ทำไมคนที่ผอมแล้วรับประทานน้อยมากๆแต่ทำไมน้ำหนักนั้นไม่ยอมลดลงเลย หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนลดน้ำหนักไม่ประสบความสำเร็จก็เนื่องมาจากพวกเขานั้นอาจจะหักโหมออกกำลังกายจนมากเกินไปถ้าหากว่าเรานั่นลกน้ำหนักอย่างหักโหมจนมากเกินไปร่างกายก็จะตกใจคิดว่าเรากำลังจะตายและเปิดโหมดเอาชีวิตรอด

โดยสั่งให้ทุกระบบนั้นสั่งหยุดทุกพลังงานขึ้นอัตราการเผาผลาญและการสหายไขมันในร่างกายมันก็จะลดต่ำลงด้วยเหตุจึงทำให้การลดน้ำหนักในช่วงหลังๆของเราอาจจะช้าลงและไม่เป็นไปตามทิศดีที่เรานั้นได้คาดหวังเอาไว้นั่นเอง

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  rb88

หากต้องออกนอกบ้านจะลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด -19

       ขณะที่เชื้อไวรัสโควิด -19 กำลังมีการแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้และทางรัฐบาลเองก็เตรียมพร้อมในการที่จะแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ซึ่งเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นทางรัฐบาลเองหรือแม้แต่คุณหมอตามโรงพยาบาลต่างๆออกมาขอร้องประชาชนทุกคนให้อยู่แต่ในบ้านและออกนอกบ้านเฉพาะในเวลาที่จำเป็นเท่านั้นแต่เราก็รู้กันดีอยู่ว่าบ้านอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลาไม่สามารถทำได้

เพราะบางคนยังคงต้องเดินทางออกไปทำงานในทุกๆวันหรือแม้แต่บางคนที่ได้รับโอกาสให้ทำงานอยู่ที่บ้านแต่ก็ยังมีเหตุจำเป็นที่ต้องให้เดินทางออกนอกบ้านไม่ว่าจะเป็นการออกไปซื้ออาหารการกินรวมถึงออกไปทำธุระต่างๆหรือแม้แต่ช่วงที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อไปหาคุณหมอในการรักษาอาการไข้ดังนั้นบทความนี้เราจึงจะมีการมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการออกจากบ้านแล้วทำอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19กลับมาที่บ้านเพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสให้กับคนในบ้าน

สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกทุกครั้งก่อนที่จะมีการออกจากบ้านก็คือสวมใส่หน้ากากอนามัยเพราะข้างนอกไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศหรือแม้แต่ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างก็เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เราติดเชื้อไวรัสโควิด -19ได้เช่นเดียวกัน  ทุกที่เราไปทุกที่ที่เราเดินผ่าน ต่างก็มีโอกาสที่จะมีเชื้อไวรัสโควิด -19อยู่บริเวณนั้นยิ่งส่วนไหนที่มีคนอยู่กันแบบหนาแน่นอัดยิ่งมีความเสี่ยงมากเดินตลาด บนรถเมล์ รวมถึงบนรถไฟฟ้าและที่สำคัญการที่เราเดินจับไปตามผนังต่างๆหรือตามราวบันได

หรือตามปุ่มกดลิฟท์ต่างๆก็อาจจะได้รับเชื้อโควิด -19เข้าสู่ร่างกายโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจดังนั้นมีอุปกรณ์นึงที่เราติดตัวไปนั่นก็คือถุงมือเพื่อที่เวลาเราไปจับอะไรจะได้ไม่ติดเชื้อโควิด -19โดยเมื่อเราใส่ถุงมือแล้วก็ไม่ควรที่จะเอามือมาเกาหน้าตาเพราะว่ามันจะเป็นการนำเชื้อไวรัสจากถุงมือเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้หรือบางคนอาจจะมีการพกเอวล้างมือติดตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อทำความสะอาดมือแบบไหนก็เป็นได้

และสำหรับการออกไปนอกบ้านหากเป็นไปได้ก็ควรเว้นระยะห่างกับบุคคลอื่นประมาณ 1 เมตรเป็นอย่างต่ำและไม่ควรที่จะหันหน้าเข้าหาบุคคลอื่นการจะหยิบจับสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ควรจะมีการใช้เจลล้างมือก่อนทุกครั้งเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคและที่สำคัญการเดินทางออกไปข้างนอกหากเรามีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองควรใช้รถยนต์ส่วนตัวแทนที่จะเป็นการนั่งแท็กซี่

หรือนั่งรถโดยสารประจำทางไป ระหว่างทางที่มีการออกนอกบ้านนั้นก็คอยสังเกตอาการคนข้างเคียงว่าเขามีอาการไอหรือจามหรือไม่และควรรักษาระยะห่างกับบุคคลเหล่านี้ไม่ควรเข้าไปและไม่ควรหันหน้าเข้าไปหาที่สำคัญหากเห็นว่าตรงบริเวณไหนมีคนอยู่กันเยอะจนเกินไปไม่ควรเข้าไปใกล้เพราะจุดนั้นจะเสี่ยงอย่างมากในการที่จะได้รับเชื้อโควิด -19 

 เมื่อออกไปข้างนอก กลับมาถึงบ้านแล้วควรทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงโควิด -19

           เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักวิธีป้องกันตัวเองขณะที่ออกนอกบ้านหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด -19กันบ้างแล้วซึ่งหลายคนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยจะต้องล้างมือบ่อยๆและจะต้องมีการพกเจลล้างมือติดตัวไว้ตลอดเวลาที่สำคัญต้องอยู่ห่างตากคนอื่นประมาณอย่างต่ำ 1 เมตรเป็นต้นไปนี่คือข้อมูลคร่าวๆที่ประชาชนทุกคนรู้และเข้าใจกันเป็นอย่างดีในการใช้ชีวิตนอกบ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด -19

แต่คุณรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่คุณเดินทางออกไปนอกบ้านคุณอาจจะมีการรับเชื้อโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจซึ่งเชื้อนั้นอาจจะติดตามลำตัวหรือว่าเสื้อผ้าคนเข้ามาดังนั้นวันนี้บทความนี้จึงจะแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลตัวเองเมื่อออกไปนอกบ้านแล้วกลับเข้ามาในบ้านเราควรจะมีการป้องกันตัวเองอย่างไรไม่ให้เชื้อไวรัสโคโรน่าติดตามเข้ามาในบ้านได้ซึ่งข้อมูลนี้นำมาจากนายแพทย์ของประเทศจีนที่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนคนจีนได้ปฏิบัติตามและได้ผลดีเป็นอย่างมากเป็นการลดการติดเชื้อไวรัสโควิด -19ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งขั้นตอนนี้ประชาชนคนไทยเองก็สามารถทำได้ง่ายๆคงจะทำเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าในช่วงนี้การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19ในประเทศไทยยังมีปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องและยังถือว่ายังอยู่ในช่วงของอันตรายที่จะมีการแพร่ระบาดมากขึ้นเรื่อยๆดังนั้นการดูแลสุขภาพของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด

เราจึงควรทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด -19มาดูกันว่าหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วแล้วคุณจะทำอะไรบ้าง

  1. อย่างที่เรารู้ว่าเวลาออกนอกหน้าเราใส่หน้ากากกันทำไงดังนั้นเมื่อเรากลับมาถึงบ้านเราจึงควรถอดหน้ากากอนามัยอันที่ใส่และแยกออกมาเพื่อเอาไปซักหรือถ้าหน้ากากอนามัยอันที่เราสวมใส่เป็นแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งก็ควรจะนำไปทิ้งถังขยะให้เรียบร้อยไม่ควรมาวางไว้ในบ้านเพราะเผื่อเด็กๆที่อยู่ในบ้านหรือคนอื่นที่อยู่ในบ้านไม่ทราบแล้วจะนำหน้ากากอนามัยอันเดิมนั้นไปใช้ซึ่งตรงนี้เป็นความเสี่ยงอย่างมากที่อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสโควิด -19ได้
  2. เมื่อกลับมาถึงบ้านตั้งแต่ตอนหน้ากากอนามัยแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อมาก็คือการล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโดยถูทั้งมือและแขนใช้ระยะเวลาประมาณ 2 นาทีในการทำความสะอาดเพื่อให้เชื้อหลุดออกไปจากมือและแขน
  3. ที่สำคัญ ความสะอาดเรียบร้อยแล้วควรจะรีบขึ้นไปอาบน้ำชำระล้างกายให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีการถูกเนื้อต้องตัวกับคนในบ้านเพื่อป้องกันเชื้อที่อาจจะติดตามตัวและเสื้อผ้าของเราไปถูกบุคคลอื่นที่อยู่ในบ้านของเราได้
  4. และเสื้อผ้าที่เราสวมใส่นั้นควรจะมีการคัดแยกออกมาต่างหากไม่ควรซักปะปนกับเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ในบ้านเป็นประจำ 

  หลายคนคงยังไม่รู้ว่าการที่เราใช้ยาจุดกันยุงนอกจากมันจะฆ่ายุงแล้วมันยังสามารถฆ่าคนที่ใช้ผ่อนส่งได้อีกด้วย เนื่องจากการผลิตยาจุดกันยุงนั้นจะมีการนำสารเคมีมาผสมกับขี้เลื่อยซึ่งกลิ่นของสารเคมีจะออกฤทธิ์เมื่อเรามีการจุดไฟเผายากันยุงให้เกิดเป็นควันซึ่งฤทธิ์นี้จะไปทำลายยุงให้ตายในขณะเดียวกันควรจะขี้เลื่อยพี่ออกมาจากยากันยุงหากเราที่เป็นมนุษย์สุดดมเข้าไป

ก็จะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจของเราเช่นกันซึ่งเชื่อว่าถ้าหากใครเคยใช้ยากันยุงชนิดจุดแบบนี้แล้วก็น่าจะเคยรู้สึกว่าหากนั่งใกล้ๆยาจุดกันยุงแล้วควันของมันจะส่งผลออกมาทำให้เรารู้สึกหายใจติดขัดเนื่องจากวันที่มันมีการระเหยออกมานั้นจะถูกสุดดมเข้าไปในร่างกายของเราแล้วไปอยู่ที่ปอดซึ่งจะหาเปรียบเทียบการทำงานแล้วมันก็เหมือนกับที่เราสูดควันไฟหรือควันจากท่อไอเสียเข้าไปหรือควันจากบุหรี่เข้าไปเช่นเดียวกันซึ่งหลายคนมักจะมีอาการแสบตารู้สึกระคายเคืองรวมถึงหายใจไม่สะดวกและหากใครที่มีอาการแพ้ยาจุดกันยุงบางครั้งก็จะเกิดการวิงเวียนศีรษะ ,  ปวดหัว , อาเจียน , คลื่นไส้  

      น้ำยาจุดกันยุงนั้นถูกสร้างมาเพื่อให้ขวัญของมันออกฤทธิ์ทำร้ายยุงให้ถึงแก่ความตายแต่ในขณะเดียวกันหากเราสูดควันของยาจุดกันยุงเหมือนกับที่ยืนสูดเข้าไปเราก็อาจจะถึงแก่ความตายเหมือนกับยุงได้เช่นเดียวกันเพียงแต่ว่าเราจะไม่ได้ตายทันทีเหมือนกับยุงแต่จะเป็นการตายในลักษณะขนส่งเพราะการที่เราสูดควันของยาจุดกันยุงเข้าไปมันจะไปทำลายระบบภายในร่างกายเช่นปอดซึ่งหลายครั้งที่พบว่าคนเป็นมะเร็งที่ปอดทั้งที่ไม่ได้สูบบุหรี่นั่นก็เพราะว่าช่องทางของควันพิษที่เข้าไปที่ปอดนั้นไม่ได้มาจากควันจากบุหรี่อย่างเดียวแต่สามารถมาจากควันของรถยนต์จากท่อไอเสียรวมถึงควันจากยากันยุงก็ได้เช่นเดียวกัน

ที่สำคัญหากใครที่มีอาการแพ้ยาจุดกันยุงมากๆแล้วไปสัมผัสโดนมันจะมีผลทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคืองเป็นผื่นแดงได้และควรจัดแยกเป็นพรุ่งนี้เองยังมีผลต่อผู้หญิงตั้งครรภ์ซึ่งจะส่งผลเข้าไปยังลูกน้อยในครรภ์ได้และหากทารกในครรภ์ได้รับพิษจากควันของยาจุดกันยุงแล้วก็จะมีผลลามไปถึงการพัฒนาการทางด้านสมองของลูกน้อยในครรภ์ของหญิงตั้งครรภ์ได้เลยทีเดียว

    จะเห็นได้ว่ายาจุดกันยุงมันก็มีความสำคัญกับคนเราเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงมากัดและไม่ให้เราเกิดโรคภัยจากปัญหาที่เราถูกยุงกัดแต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นภัยร้ายที่คร่าชีวิตเราได้เช่นเดียวกันหากเรามีการสูดควันของยาจุดกันยุงเข้าไปดังนั้นการใช้ยาจุดกันยุงจึงควรจดให้ห่างจากคนและเราไม่ควรนั่งใกล้ยาจุดกันยุงเพราะว่าอาจจะเผลอสูดควันเข้าไปในร่างกายได้

แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันแล้วก็คอเลสเตอรอลสูง เพิ่มอาหารที่มีเส้นใยให้มากขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม งดเว้นดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ แล้วก็งดเว้นสูบบุหรี่

คอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ต้นตอสำคัญส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยออกมาว่า โรคหัวใจเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตลำดับต้นๆของประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนที่มีช่วงวัยกลางคนขึ้นไป และก็เกิดขึ้นได้จากหลายกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจคือคอเลสเตอรอลส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น การกินอาหารที่มีไขมันและก็คอเลสเตอรอลสูง ไม่ค่อยออกกำลังกาย ดื่มแอลกอฮอล์และก็สูบบุหรี่จัด ปัญหาด้านสุขภาพเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดภาวะคอเลสเตอรอลสูง ดังเช่นว่า โรคเบาหวาน

สาเหตุของคอเลสเตอรอล

นพ.เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คอเลสเตอรอลเป็นไขมันที่เจอได้ในเลือด ซึ่งมีแหล่งที่มาจาก 2 ที่ คือ

1.ภายในร่างกาย โดยสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ที่ตับ

2.ภายนอกร่างกาย คือจากการรับประทานอาหารในทุกๆวัน

อันตรายของคอเลสเตอรอลไม่ดี

ถ้าหากมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงจะไปเกาะสะสมที่ผนังหลอดเลือดทำให้อักเสบ เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เมื่อมีการสะสมของไขมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจะก่อให้เส้นเลือดตีบตัน ทำให้มีการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ นอกจากนั้นในบางรายอาจมีการปริแตกของผนังด้านในของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้มีลิ่มเลือดมาอุดตัน เป็นสาเหตุของการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดฉับพลัน หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทำให้เสียชีวิตได้

แนวทางป้องกันและก็ลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด

-รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ หลบหลีกอาหารที่มีไขมันรวมทั้งคอเลสเตอรอลสูง ตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ติดมัน เนื้อสัตว์แปรรูป อาหารและก็ของหวานที่มีเนย ชีส ครีม รวมทั้งขนมเค้ก เบเกอรี่ ฯลฯ

-รับประทานอาหารที่มีเส้นใยให้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ข้าวซ้อมมือ ผัก ผลไม้น้ำตาลน้อย

-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 3-5 ครั้ง/อาทิตย์

-ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ใน ตามมาตรฐานที่เหมาะสม

-งดเว้นดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ทุกประเภทแล้วก็งดเว้นสูบบุหรี่

โรคหัวใจเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตลำดับต้นๆของประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนที่มีช่วงอายุวัยกลางคนขึ้นไป แล้วก็เกิดขึ้นได้จากหลายกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจคือคอเลสเตอรอล โดยมากจะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงบอลออนไลน์2020

เพื่อสุขภาพที่ดีนั้นเราควรที่จะลดหวานเช่น น้ำตาล ลดไข เช่น อาหารทอด แกงกะทิ เนื้อติดมัน ลดเค็ม เช่น ไม่ใส่เครื่องปรุงเพิ่ม และจะปรุงอย่างไรเพื่อให้ปลอดภัยต่อตัวเราสูตร 6 6 1  น้ำตาล6ช้อนชาต่อวัน น้ำมัน6ช้อนชาต่อวัน เกลือ1ช้อนชาต่อวัน สุขภาพที่ดีขึ้นควรเช็คสลากทุกครั้งมื้อ

คุณนั้นต้องการที่จะใช้อาหารสำเร็จรูป 1เช็คปริมาณไขมันและไขมันอิ่มตัว 2เช็ตพลังงานต่อหน่วยบริโภค 3เช็คปริมาณน้ำตาล 4 เช็คปริมาณโซเดียม เพื่อนำเอาไปคำนวนดูว่าปริมาณอาหารที่เรานั้นรับประทานเข้าไปว่ามันมีชนิดใดที่มันเกินปริมาณที่ควร เมื่อคุณทราบว่าควรรับประทานอาหารปริมาณเท่าไรในแต่ละวันแล้ว

คุณเองก็ควรจะทราบว่าน้ำหนักของตัวคุณที่เหมาะสมมันควรจะเป็นเช่นใดจากการหาค่าดัชนีมวลกายหรือ BMIเท่ากับน้ำหนักตัว หาร ส่วนสูง ยกกำลัง2  เช่นถ้ามีน้ำหนักประมาณ50กิโลกรัมส่วนสูง160เซนติเมตร BMIจะเท่ากับ50หารด้วย1.6ยกกำลัง2 หรือ2.56 จะเท่ากับ19.53 ซึ่งสัดส่วนจะอยู่ในค่าที่เหมาะสมคือ 18.5 ถึง 24.9ในแต่ละวัน

เราควรที่จะให้เวลาตัวเองด้วยการออกกำลังกายเพื่อคงความแข็งแรงให้กับร่างกายของเราและในส่วนคนที่มีสุขภาพดีควรออกกำลังกายให้ได้ทุกวันอย่างน้อยวันละ30นาทีหากคุณยังไม่ได้เริ่มหรือกำลังเริ่มต้นคุณควรที่จะออกกำลัง38ครั้งต่อสัปดาห์และไม่ควรหยุดออกกำลังกายต่อเนื่องนานเกิน2วันแต่ทั้งนี้คุณมีกิจกรรมทางกายเช่นการทำงานบ้านอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

และ ในการเดินเป็นกาออกกำลังกายที่ง่ายและสะดวกมากที่สุดสามารถปฏิบัติได้บ่อยครั้งในแต่ละวันคุณควรจะเดินอย่างน้อยให้ได้10,000ก้าวเพื่อสะสมให้ได้อย่างน้อยวันละ30นาที การแกว่งแขนเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ทุกที่และในทุกๆวันซึ่งโดยจะใช้เวลาประมาณ30นาทีการแกว่งแขนที่ถูกวิธี

โดยให้คุณนั้นยืนตรงเปิดแกว่งแขนมาด้านหน้าประมาณ30องศาและแกว่งแขนไปด้านหลัง60องศา การเล่นโยคะ เป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเพราะมีผลดีทั้งร่างกายและจิตใจช่วยเพิ่มความยึดยุ่นของข้อส่วนต่างๆและยังได้ผ่อนคลายและลดความตึงเครียดจากการทำงงานรวมไปถึงมีการกำเนิดลมหายใจในทุกช่วงอายุอยากแนะนำให้คุณออกกำลังกายตามชนิดของกีฬาที่ตัวคุณนั้นชื่นชอบละเพื่อให้มันได้เหมาะสมกับเวลาสถานที่หรือสมรรถนะของกำลังกล้ามเนื้อของในแต่ละบุคคลโดยอายุ5 17 ปีแนะนำให้ออกกำลังกายปานกลางไปจนถึงขนาดหนักทุกวันอย่างน้อยวันละ60นาที

 

สนับสนุนโดย  9luck

หลายคนมักนิยมกินอาหารที่สุกสุก ดิบดิบ

เพราะรสชาติจะอร่อยกว่าอาหารที่ปรุงสุกมาก แต่เชื่อไหมคะว่าอาหารที่เราคิดว่าอร่อย นั้นมีอันตรายแฝงไว้ด้วย เพราะในอาหารที่กึ่งสุกกึ่งดิบนั้นมักจะมีพยาธิปะปนอยู่ด้วย  ซึ่งเชื่อว่าคนที่นิยมกินอาหารกึ่งดิบกึ่งสุกนี้ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า อาหารประเภทนี้เป็นอย่างไร มีพยาธิปนอยู่ด้วยมากแค่ไหน แต่หลายคนก็คิดจะมองข้ามเพราะอาจจะยังไม่รู้ถึงอันตรายของเจ้าพยาธิเหล่านี้ วันนี้เราจะมาแนะนำถึงอันตรายของเจ้าพยาธิพวกนี้ให้ทราบกันค่ะ

             การที่เรารับประทานอาหารดิบเข้าไปนั้นมักจะมีไข่ของพยาธิปะปนเข้าไปด้วย ซึ่งมันจะเข้าไปฝักตัวและฝังตัวอยู่ในร่างกายของเรา ทำให้เราเป็นโรค ที่เรียกว่าโรคพยาธิ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วพยาธิจะอยู่ในสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร เช่น พวกวัว  ควาย และแกะ หรือแพะ และพยาธิสามารถมีชีวิตอยู่ในร่างกายของคนเราได้ด้วย

ดังนั้นการที่เรากินอาหารที่ดิบแล้วมีไข่ของพยาธิปนอยู่ พยาธิเหล่านั้นก็จะอยู่ในร่างกายของเราได้โดยไม่ได้ถูกขับออกมาปนกับของเสีย เคยมีกรณีที่เด็กคนหนึ่งมีพยาธิตัวตืดอยู่ในร่างกาย และเป็นสาเหตุให้เด็กคนนั้นเสียชีวิตได้ด้วย

ซึ่งเจ้าพยาธิตัวตืดนี้มักจะฝังไข่เอาไว้ในเนื้อหมู ดังนั้นหากเรามีการกินอาหารที่ปรุงไม่สุก จะทำให้เรากินไข่ของพยาธิเข้าไปแล้วมันจะไปดำเนินชีวิตอยู่ในตัวของเรา ซึ่งแรกแรก เราอาจจะไม่รู้สึกอะไร  เราจะมีอาการแค่เพียงอ่อนเพลียและปวดหัวเท่านั้นซึ่งเราจะไม่คิดถึงว่านี่มีสาเหตุมาจากพยาธิแต่คนส่วนใหญ่จะคิดว่าตอนเองไม่สบายเพราะทำงานหนักพักผ่อนน้อย แต่หากพยาธิตัวนั้นแฝงตัวอยู่ในร่างกายเราเกินหนึ่งปี มันก็จะตัวใหญ่ขึ้นแข็งแรงขึ้น

และหลังจากนั้นมันจะเริ่มเข้าไปทำร้ายภายในร่างกายของคุณ เช่นอาจจะทำให้อวัยวะบางส่วนของคุณหยุดทำงาน จนเป็นอัมพาตได้ หากไม่รีบรักษามันจะเริ่มชอนไชไปทั่วร่างกายของคุณ ทำให้ร่างกายของคุณทรุดโทรมลงได้สำหรับโรคทีเกิดจากพยาธิ เพราะเรากินอาหารไม่สุกนั้นจะมีมากมาย วันนี้จะยกตัวอย่างให้ดูเช่น โรค แอนแทรกซ์   ซึ่งโรคนี้ทำให้คนตายได้ โรคไข้สมองอักเสบหูดับ โรคนี้อาจจะไม่รุนแรงถึงตายแต่ก็ทำให้คุณหูหนวกตลอดชีวิตได้เช่นกัน อีกโรคคือ โรคพยาธิทริคิโนซีส โรคนี้อันตรายมากเพราะพยาธิจะชอนไชไปทั่วร่างกายและทำให้เราตายได้

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

สำหรับการอาบน้ำถือได้ว่าเป็นการที่เรานั้นจะต้องทำในทุกๆวันและควรทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันอีกด้วย ซึ่งเราจะเห็นว่ามีบางคนที่ไม่ชอบในการอาบน้ำสักเท่าไหร่และเป็นการไม่ค่อยที่จะชอบเลยด้วยซ้ำ โดยพวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าการไม่อาบน้ำมันมีผลเสียต่อสุขภาพของเขาได้ และเป็นการทำร้ายร่างกายในรูปแบบหนึ่งอีกด้วย

ข้อเสียของการไม่อาบน้ำ

การอาบน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายและควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง ซึ่งหากไม่อาบน้ำแล้วนั้นจะส่งผลเสียอย่างไรบ้างมาดูกันเลย 

การที่เรานั้นไม่อาบน้ำจะส่งผลให้ผิวหนังของเรานั้นเกิดการระคายเคืองได้ โดยผิวของเราจะต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆที่เป็นมลพิษที่ทำให้ร่างกายของเราเกิดการเสียหาย ซึ่งการอาบน้ำชำระร่างกายจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายได้สะอาดขึ้นและเป็นการทำร้ายเชื้อโรคต่างๆที่ติดมากับร่างกายของเราด้วยเช่นกัน 

การไม่อาบน้ำยังส่งผลให้เรานั้นมีกลิ่นตัว เพราะมันเกิดจากการอับชื้นของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการสะสมของเหงื่อหรอการเผชิญกับสิ่งต่างๆที่เรานั้นมองไม่เห็นที่เรานั้นเรียกด่ามันคือเชื้อโรคนั่นเอง เชื้อโรคเหล่านี้เป็นการสะสมของแบคทีเรียที่มาจากสภาวะรอบกายของเราแหละ โดยเรานั้นจะป้องกันจากสิ่งอื่นๆไม่ได้อย่างแน่นอน โดยเรานั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อเรานั้นได้อาบน้ำและทำความสะอาดมันด้วยการนำเอาอุปกรณ์ต่างๆเพื่อมาเป็นการช่วยในการไล่เชื้อโรคและแบคทีเรียออกได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากเรานั้นไม่ชอบอาบน้ำก็จะทำให้เรานั้นติดเป็นนิสัยที่ไม่ชื่นชอบได้เช่นกัน

ในทางเดียวกันหากเรานั้นอาบน้ำบ่อยๆมันจะส่งผลให้เรานั้นติดเป็นนิสัย ซึ่งเราจะชื่นชอบในการอาบน้ำบ่อยด้วยเช่นกัน 

หากคุณไม่ชอบอาบน้ำ ซึ่งมันจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านของผิวหนัง โดยที่ท่านไม่ตั้งใจ ซึ่งเจ้าเชื้อโรคนี้จะไปทำลายผิวหนังของเราได้มากขึ้นและเชื้อแบคทีเรียนี้จะเป็นตัวขยายให้ผิวหนังของเรานั้นเสียหายเยอะขึ้นไปจากเดิม 

การติดเชื้อแบคทีเรียจากสาเหตุของการไม่อาบน้ำ

การที่เรานั้นไม่อาบน้ำจะทำให้เรานั้นติดเชื้อแบคทีเรียโดยมีอาการคันตามผิวหนังบางส่วน และอาจจะเกิดการเป็นผื่นแดงหรือมีตุ่มขึ้นในบางส่วน โดยส่วนใหญ่ที่มีการเกิดเรื่องแบบนี้มักจะเป็นส่วนที่อยู่ในร่มผ้า เพราะเป็นการหมักหมของร่างกายโดยเป็นการไม่อาบน้ำผสมกับเชื้อแบคทีเรียที่เจอตามกิจวัตรประจำวันและเป็นการเกิดจากเหงื่ออีกบางส่วน โดยสิ่งเหล่านี้เป็นตัวก่อให้เกิดการอักเสบต่อผิวหนังและจะทำให้ผิวหนังเกิดการติดเชื้อร้ายแรงได้นั่นเอง