ปี: 2024

คนเป็นโรคไต สำหรับไตถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญส่วนหนึ่งของร่างกายของเรา โดยไตนั้นมีหน้าที่ที่จะขับของเสียออกจากร่างกายของเรา นอกจากนั้นยังช่วยปรับสมดุลย์แร่ธาตุในร่างกายของเราได้อีกด้วย โดยไตนั้นมีหน้าที่ดูดโซเดียมและยังขับโพแทสเซียมในร่างกายของเรา

ดังนั้นคนที่เป็นโรคไตทานอาหารที่มีส่วนประกอบไปด้วยโซเดียมสูงๆ หรือโพแทสเซียมสูงๆ ก็จะส่งผลให้ไตนั้นทำงานหนักมากยิ่งขึ้น

และผลไม้นั้นก็ยังมีส่วนประกอบของโพแทสเซียม อยู่พอสมควรซึ่งทำให้ บุคคลที่เป็นโรคไตไปทานผลไม้บางชนิดที่มีส่วนประกอบของโพแทสเซียมอยู่นั้นอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายของคนเหล่านั้นได้

ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำผลไม้ต้องห้ามที่มันประกอบไปด้วยโพแทสเซียมสูงสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตควรห้ามเด็ดขาดหรือต้องหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ก่อให้เกิดอาการไตวายฉับพลันได้

 

1.กล้วย

กล้วยนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็ว่าได้ของประเทศไทยหรือของต่างประเทศก็ นำไปทานเพื่อลดความอ้วนได้เช่นกัน กล้วยนี้จะประกอบไปด้วยวิตามินหรือว่าแร่ธาตุต่างๆ และยังมีกาดใหญ่อาหารที่สูงมากๆอีกด้วย สำหรับใครก็ตามที่ท้องผูกบ่อยครั้งเราแนะนำให้ทานกล้วยเลยนะเพราะมันจะช่วยให้คุณขับถ่ายได้เป็นปกติถึงมันจะดีมากมายเพียงใด

แต่สำหรับบุคคลที่เป็นโรคไตก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดโดยเฉพาะบุคคลที่เป็นโรคไตระยะที่สามหรือที่สี่ควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดนะ

เพราะไม่ว่าจะเป็นกล้วยหอมกล้วยน้ำว้าหรือกล้วยใครก็ตามจะประกอบไปด้วยโพแทสเซียมที่ค่อนข้างสูงดังนั้นบุคคลที่เป็นโรคไตควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ก่อให้เกิดไตวายได้นั่นเอง

 

2.ทุเรียน

สำหรับทุเรียนไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ใดใดก็ตาม ซึ่งทุเรียนนั้นมีส่วนประกอบของโพแทสเซียมที่ค่อนข้างสูงมากๆ ดังนั้นเราขอแนะนำแล้วว่าคนที่เป็นโรคไตเสื่อม แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงทุเรียนให้มากๆ

ถ้าคืนดื้อดึงทานไปรับรองได้ว่าโพแทสเซียมในร่างกายสูงขึ้นแน่นอน ซึ่งนอกจากนั้นทุเรียนนี้ยังมีน้ำตาลสูงด้วยดังนั้นบุคคลที่เป็นโรคเบาหวานก็ควรที่จะต้องหลีกเลี่ยงไม่แพ้กับบุคคลที่เป็นโรคไตเสื่อมเช่นกัน

 

3.มะละกอ

จะเห็นได้ว่ามะละกอเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทานและนำมาเป็นอาหารอย่างเช่นส้มตำ เพิ่งมาแล้วก่อนี้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมายนอกจากนั้นยังมีกากใยที่สูงช่วยให้ขับถ่ายได้ดีแต่ว่าไม่ดีต่อบุคคลที่เป็นโรคไต

หรือถ้าอยากทานจริงๆควรที่จะทานในปริมาณที่เหมาะสมเพราะมันมีโพแทสเซียมที่สูงดังนั้นจะก่อให้เกิดเป็นอันตรายมากถ้ากินเกินปริมาณที่กำหนดอาจส่งผลให้ไตทำงานผิดปกติแก่ร่างกายได้ด้วยเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย    Lotto432 เข้าสู่ระบบ

ถึงแม้ว่าเป็นเด็กและยังไม่ต้องเจอเรื่องราวเหมือนกับผู้ใหญ่ แต่โรคนี้ก็ยังไม่เว้นเด็กหรือช่วงวัยได้เลย เพราะเราเจอเด็กหลายคนที่มีอาการเหล่านี้ ที่เราเรียกว่าโรคจิตเวชในเด็ก ไม่ว่าผู้ใหญ่จะเป็นอันตรายมากแค่ไหน เรามองว่าเด็กก็เป็นอันตรายมากเช่นกัน ดังนั้นถเพบสิ่งผิดปกติในเด็กเราก็ไม่ควรมองข้าม ควรที่จะพาไปพบแพทย์และดูแลอย่างใกล้ชิด

 

โรคทางจิตที่เกิดขึ้นกับเด็กแบ่งย่อยได้หลายอย่าง ดังนั้นผู้ปกครองท่านใดที่มีความกังวลว่าลูกหลานของท่านจะเป็นโรคจิตเวชก็ควรเข้ามาศึกษาโดยเราได้นำข้อมูลมาจากทางโรงพยาบาล ซึ่งเปิดเผยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นหากเด็กของท่านมีโรคหรือมีพฤติกรรมอะไรก็ตามดังต่อไปนี้ ควรนำไปพบแพทย์เฉพาะทางโดย  agplus   ด่วน ไม่ควรรอเพราะอาจจะทำให้เป็นหนักหรือไม่สามารถรักษาได้

 สังเกตอาการผิดปกติทางจิตเวชเด็กโดยดูได้จากสิ่งต่อไปนี้

1.Mental Retardation แปลให้เข้าใจง่ายๆก็คือระดับสติปัญญาในเด็กนั้นต่ำจนเกินไป เมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆในรุ่นเดียวกันมีความแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา การให้ความสนใจ หรืออื่นๆ หากเด็กมีความเฉยเมย ไม่สนใจอะไรเลย และช้ากว่าเกณฑ์ ถือว่าผิดปกติ 

2.Learning Disorders มีปัญหาเกี่ยวกับความเข้าใจ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่เข้าใจปัญหา สื่อสารไม่รู้เรื่อง ถ้าเทียบกับรุ่นเดียวกันแล้วมีปัญหาอื่นๆ ตานี้แนะนำว่าปรึกษาแพทย์ได้แล้วอย่ารอเลย

3.Motor Skills Disorders แปลง่ายๆคือก้ามเนื้อมีปัญหา ไม่แข็งแรง อ่อนแอทางด้านร่างกายรวมไปถึงด้านจิตใจด้วย

4.Communication Disorders สื่อสารไม่เป็น พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง เก็บตัว ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก ไม่มีเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกในรูปแบบใดก็ตามไม่สามารถที่จะทำได้ กลัวเพื่อน กลัวคนรอบข้าง เข้าหาเพื่อนไม่เป็น การโต้ตอบหรือตอบคำถามไม่เป็น สื่อสารไม่เข้าใจ เข้าใจยาก เหมือนคนละชั้น คนละอายุ ไม่คบเพื่อน กลัวการเข้าสังคม

 

อย่างไรก็ตามหากเด็กมีอาการเบื้องต้นดังที่กล่าวมาท่านควรที่จะพาเด็กไปพบจิตเวชในทันที เพราะน้องได้เข้าข่ายมีปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งถ้ามีการปล่อยเอาไว้นาน เด็กจะมีปัญหากับเพื่อน กับคนรอบข้าง บางรายก็ดื้อ ซน ชอบแกล้งเพื่อน ในขณะที่บางรายก็กลัวเพื่อน ไม่กล้าแสดงออก ไม่เข้ากับเพื่อน อยู่คนเดียว

ทำให้มีปัญหาในด้านการเข้าสังคม การมีเพื่อนสนิท ซึ่งแน่นอนว่าเด็กเหล่านี้จะมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อยากมาเรียนหรืออาจจะทำร้ายเพื่อนนักเรียนด้วยกันได้ ดังนั้นสังเกตลูกหลานของท่านด้วยว่าพวกเขาเป็นประเภทไหน จะต้องไปพบจิตเวชหรือไม่ หากควรต้องไปก็อย่ารอช้า เพราะอาจจะสายเกินไป

จัดบ้านให้เหมาะสมกับคนไข้โรคสมองเสื่อม ในตอนนี้พวกเราเจอคนเจ็บโรคสมองเสื่อมมากขึ้น ซึ่งโรคสมองเสื่อมเป็นกรุ๊ปอาการที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมโทรมของความจำ การคิดอ่าน การวางเป้าหมาย ตกลงใจการใช้ภาษา ความชำนาญสำหรับในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถที่จะทำกิจกรรมหรืออาชีพที่เคยทำเป็นตามเคย

รวมทั้งอาจมีความประพฤติรวมทั้งอารมณ์ที่เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งอาการโรคโรคสมองเสื่อมนั้นมีลักษณะอาการหลงๆลืมๆ การแก้ปัญหารวมทั้งการวางเป้าหมาย กระบวนการทำกิจกรรมในบ้าน การมองมองเห็น รวมทั้งการปรับระยะทาง

ด้วยเหตุนี้ในเรื่องของที่อยู่ที่อาศัยพวกเราควรต้องให้ความเอาใจใส่อย่างไรบ้าง เพื่อบ้านเป็นมิตรกับคนป่วยโรคสมองเสื่อม

  1. จำเป็นต้องแน่ใจว่ามีแสงไฟที่ดี เช็กว่าแสงสว่างธรรมชาติสามารถเข้ามาในบ้านของคุณได้เช่นไร เพราะเหตุว่าแสงสว่างที่ดีจะช่วยทำให้คุณเห็นได้อย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งได้ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหน ตรวจทานให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรบังแสงสว่างไม่ให้เข้าทางหน้าต่าง ห้องนอนของคุณมีแสงไฟพอเพียงไหมในช่วงเวลากลางคืน เพราะเหตุว่ามันจะช่วยทำให้หลับเจริญขึ้น

 

  1. พิจารณาให้มั่นใจว่าพื้นมีความปลอดภัย เอาสิ่งที่จะขวางฟุตบาทออกได้แก่ประพรม เสื่อ รวมถึงสิ่งอื่นๆที่อยู่กลางทางเดินดังเช่นสายเคเบิล โดยจะต้องตรวจดูให้มั่นใจว่าคุณสามารถเห็นพื้นได้เด่นชัด และก็คุณควรที่จะใช้พื้นแบบปกติ หลบหลีกการปูพื้นที่แวววาวหรือมีสีใกล้เคียงฝาผนังเนื่องจากว่าอาจส่งผลให้งงงันได้

 

  1. ทำให้การกินแล้วก็ดื่มง่ายมากยิ่งขึ้น การกินอาหารแล้วก็การดื่มที่ดีนั้นสำคัญต่อร่างกาย สำหรับ  huaydee  ในการจัดแจงเรื่องภาชนะของกินสำหรับคนไข้นั้นควรที่จะทำการเลือกใช้จาน จานชาม ช้อน ถ้วยให้มีสีตัดกับของกิน รวมทั้งทดลองใช้ภาชนะใสเก็บของกินเพื่อจะได้รับรู้ว่าในภาชนะเก็บนั้นเป็นของกินอะไร

 

  1. ใช้เครื่องเรือนที่แลเห็นได้แจ่มแจ้ง ภาวะโรคสมองเสื่อมบางทีอาจมีผลต่อการบอกไม่เหมือนกันระหว่างสี เพราะฉะนั้นควรจะเลือกใช้เครื่องเรือนสีสว่างหรือสีที่ตัดกัน เพื่อทำให้ท่านเห็นเครื่องเรือนนั้นเจริญเพิ่มขึ้น และก็เสนอแนะให้เลี่ยงการใช้ลายทาง และก็ลวดลายที่แน่ชัดเพราะเหตุว่าอาจจะก่อให้กำเนิดความสับสน

  2. เตือนตนเองว่าสิ่งต่างๆอยู่ที่แห่งไหน ถ้าเกิดคุณมีปัญหาเรื่องความจำ คุณอาจลืมว่าสิ่งพวกนั้นอยู่ที่แหน่งใด ติดภาพหรือป้ายไว้ที่ตู้ หรือลิ้นชักเพื่อทราบดีว่าในช่องพวกนั้นมีของ หรือมีสิ่งใดอยู่ มานะเก็บกระเป๋า กุญแจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ที่เดียวกัน

 

  1. อุตสาหะทำให้ห้องสุขาใช้งานได้ง่าย ติดภาพแล้วก็ป้ายเอาไว้ในห้องอาบน้ำ ทดลองถอดฝาของชักโครกออกเพื่อทำให้การใช้แรงงานง่ายมากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเลือกใช้ผ้าสำหรับเช็ดตัวสีสันตัดกับผนังน้ำ ล้างข้าวของที่มิได้ใช้เสมอๆ